ONU Router Mode ?
ONU Router Mode เป็นโหมดการทำงานของ ONU ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตให้กับอุปกรณ์ภายในเครือข่ายของผู้ใช้งาน โดยตั้งค่าเปิดใช้งาน ONU Router Mode นี้จะทำให้ ONU สามารถทำ NAT และ DHCP ได้โดยตรง ซึ่งจะช่วยลดความซับซ้อนของเครือข่ายลงได้ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ Router แยกออกเพื่อทำ Internet Connection
ONU Router Mode จะทำงานในชั้น Network Layer ของ OSI Model ซึ่งจะช่วยจัดการกับการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายในระดับ IP และการแปลง IP Address ระหว่างเครือข่ายด้วย Network Address Translation (NAT) ให้สามารถใช้งานได้แบบรวมทั้งในเครือข่าย LAN และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต WAN อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
เมื่อเปรียบเทียบกับ ONU Bridge Mode จะเป็นทำงานในชั้นของ OSI Model Layer 2 (Data Link Layer) ที่ไม่สามารถสามารถการจัดการ IP และไม่สามารถทำ Network Access Translation (NAT) และ DHCP services ได้ ซึ่งจะต้องใช้อุปกรณ์ Router อื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อจัดการ IP และเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้
สรุปได้ว่า การทำงานของ ONU Router Mode เกี่ยวข้องกับ OSI Model ในการทำ Network Access Translation (NAT) และ DHCP services ในชั้นของ OSI Model Layer 3 (Network Layer) เพื่อจัดการ IP LAN (ฝั่งผู้ใช้งาน) และ IP WAN (ฝั่งอินเทอร์เน็ต) ให้สามารถทำงานร่วมกันได้ โดย ONU Router Mode จะเป็นตัวกลางในการกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ต และจะสามารถทำงานได้โดยใช้อุปกรณ์ตัวเดียว ไม่ต้องทำงานร่วมกับอุปกรณ์ Router อื่นๆ โดย ONU Bridge Mode ทำงานในชั้นของ OSI Model Layer 2 (Data Link Layer) แต่ไม่ได้มีความสามารถในการจัดการ IP และไม่สามารถทำ Network Access Translation (NAT) และ DHCP services ได้ ซึ่งจะต้องใช้อุปกรณ์ Router อื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อจัดการ IP และเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้
จุดเด่นของ ONU แบบ Router Mode
ในการใช้งาน ONU Router Mode มีความสำคัญต่อการทำงานของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในรูปแบบ Fiber to the Home (FTTH) โดย ONU จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (WAN) ไปยังอุปกรณ์ต่างๆในเครือข่ายภายในบ้าน (LAN) ผ่านการทำ NAT ซึ่งจะทำให้เครือข่ายภายในบ้านสามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้โดยตรง โดยไม่ต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์ Router เพิ่มเติม นอกจากนี้ การกำหนดค่า ONU แบบ Router Mode จะถูกกำหนดไว้ที่ OLT ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีการกำหนดค่าที่ ONU ที่ปลายทางอีกด้วย ซึ่งจะลดปัญหาการตั้งค่าและการบำรุงรักษาเครือข่ายลงได้เป็นอย่างมาก
ข้อดีของการเลือกใช้งาน ONU แบบ Router Mode มีดังนี้..
- เหมาะสำหรับระบบ Network ขนาดเล็กเช่น บ้านพักอาศัยที่มีผู้ใช้งานไม่มาก
- Configuration อยู่ที่ต้นทางทำให้การติดตั้งและการตรวจสอบเหตุขัดข้องง่ายขึ้น
- สามารถทำงานได้โดยอุปกรณ์ตัวเดียว ไม่ต้องมีอุปกรณ์ Router อื่นเพิ่มเติม
- สามารถจัดการ NAT และ DHCP ได้โดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องกังวลเรื่องการกำหนด IP และการกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตใน LAN
- การใช้งานเหมือนกับการใช้งาน Router ปกติ โดยสามารถสร้าง VLAN และ Forward Port ได้
- ลดความซับซ้อนในการติดตั้งและการใช้งานโดยไม่ต้องมีอุปกรณ์ Router แยกต่างหาก
- ลดต้นทุนในการติดตั้งและใช้งานโดยไม่ต้องมีอุปกรณ์ Router แยกต่างหาก
การเลือกใช้งาน ONU แบบ Router Mode อาจมีข้อเสียที่ควรพิจารณาดังนี้
- ข้อจำกัดในการเลือกใช้อุปกรณ์ปลายทาง : เนื่องจาก ONU ทำหน้าที่เป็น Router ในตัว ผู้ใช้งานจึงไม่สามารถเปลียนอุปกรณ์ปลายทางได้เองอย่างอิสระ ซึ่งอาจจะไม่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งาน Router ที่มีฟีเจอร์และสเปกที่ตรงกับความต้องการได้
- ความซับซ้อนในการจัดการระบบ Network: การใช้งาน ONU แบบ Router Mode อาจไม่สามารถบริหารจัดการระบบ Network ที่มีความซับซ้อนและยุ่งยากมากๆ ได้
- ความเสี่ยงในการโจมตี: ถ้า Network คุณเป็น Network ระดับองค์กรหรือบริษัทขนาดใหญ่ การใช้งาน ONU แบบ Router Mode มีการทำ Firewall แต่ก็ยังมีความเสี่ยงในการโจมตีจากภัยคุกคามต่างๆ เช่น การแฮกเกอร์
สรุป
ONU แบบ Router Mode คือ อุปกรณ์รับสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่รวมคุณสมบัติของ ONU และ Router ไว้ในตัวเดียวกัน ซึ่งมักจะใช้กับการให้บริการอินเทอร์เน็ต Fiber to the Home (FTTH) โดย ONU แบบ Router Mode มีความสามารถในการจัดการและควบคุมระบบเครือข่ายภายในบ้านได้ดี เช่น การแชร์อินเทอร์เน็ตให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ที่เชื่อมต่อในบ้าน รวมถึงการใช้งาน Wi-Fi ภายในบ้าน แต่การเลื่อกใช้ ONU แบบ Router Mode ยังไม่เหมาะกับ Network ระดับองค์กรหรือบริษัทขนาดใหญ่ เพราะอาจมีจุดอ่อนในด้านความมั่นคงของ Network ซึ่งอาจเป็นจุดที่ผู้ไม่หวังดีสามารถโจมตีระบบ Network ได้ง่ายขึ้น
🤗บทความอื่นเพิ่มเติม..ONU Bridge Mode ?