Blockchain Revolution

บล็อกเชน (Blockchain) คือเทคโนโลยีที่ใช้สร้างและบันทึกข้อมูลอย่างมั่นคงและปลอดภัย โดยมีลักษณะเป็นโครงสร้างข้อมูลที่ถูกตัดเป็นบล็อกและเชื่อมต่อกันเป็นเชน (chain) ทุกบล็อกมีข้อมูลที่ถูกเขียนลงไปอย่างคงที่และไม่สามารถแก้ไขหรือลบได้ และเมื่อมีการเพิ่มบล็อกใหม่เข้ามาในเชน จะต้องมีการตรวจสอบและยืนยันข้อมูลก่อนที่จะถูกเพิ่มเข้าไปในเชนเดิม

ตัวอย่างการใช้งานของบล็อกเชนได้แก่การใช้ในสกุลเงินดิจิทัลเช่นบิตคอยน์ (Bitcoin) โดยในเครือข่ายของบิตคอยน์ ข้อมูลการทำธุรกรรมจะถูกเขียนลงในบล็อกและเชื่อมต่อกันเป็นเชน การทำธุรกรรมแต่ละรายการจะต้องผ่านกระบวนการการยืนยันจากผู้ใช้งานในเครือข่าย ซึ่งทำให้ไม่สามารถปลอมแปลงข้อมูลหรือทำการทุจริตได้

อีกตัวอย่างหนึ่งคือการใช้บล็อกเชนในธุรกรรมทางธุรกิจ เช่นการติดตามโซ่อุปทานการผลิต ในทางการค้าสินค้า บล็อกเชนช่วยลดความซับซ้อนและเพิ่มความโปร่งใสในการติดตามและตรวจสอบข้อมูลของสินค้าตลอดโซ่อุปทาน ซึ่งทำให้ผู้ค้าและผู้บริโภคสามารถตรวจสอบและเชื่อมต่อข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย

ตัวอย่างการใช้งานบล็อกเชนได้แก่:

1. การทำธุรกรรมดิจิทัลและสกุลเงินดิจิทัล: บล็อกเชนใช้ในการทำธุรกรรมดิจิทัลเช่นการโอนเงินหรือการตรวจสอบเอกสารและสัญญาธุรกรรม ตัวอย่างที่มีความเป็นที่รู้จักก็คือบิตคอยน์ (Bitcoin) ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการบันทึกและยืนยันการทำธุรกรรมของสกุลเงินดิจิทัลนี้
2. การติดตามโซ่อุปทานการผลิต: บล็อกเชนสามารถนำมาใช้ในการติดตามและบันทึกข้อมูลของโซ่อุปทานการผลิต เช่นการติดตามแหล่งกำเนิดของวัตถุดิบหรือวัสดุในกระบวนการผลิต ทำให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบและติดตามว่าสินค้ามาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ตัวอย่างเช่นโครงการ IBM Food Trust ที่ใช้บล็อกเชนในการติดตามโซ่อุปทานของอาหารทะเลเพื่อความโปร่งใสและความปลอดภัยของผู้บริโภค
3. สมาร์ทคอนแทร็คและอินเทอร์เน็ตของสร้าง: บล็อกเชนสามารถใช้ในการจัดเก็บและแบ่งปันข้อมูลของสมาร์ทคอนแทร็กและอุปกรณ์ต่อไปนี้ โดยเช่นการบันทึกประวัติการซ่อมบำรุงของรถยนต์มือสอง หรือการแบ่งปันข้อมูลของเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัยและความโปร่งใส
4. การลงคะแนนเลือกตั้ง: บล็อกเชนสามารถนำมาใช้ในระบบการลงคะแนนเลือกตั้งที่ปลอดภัยและโปร่งใส โดยจะบันทึกและยืนยันโหวตของผู้มีสิทธิ์ผ่านการตรวจสอบจากผู้ใช้งานท่านอื่น

เหล่าตัวอย่างนี้แสดงถึงวิธีที่บล็อกเชนสามารถใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรมและประเด็นที่ต้องการความโปร่งใสและความมั่นคงของข้อมูล

Blockchain Revolution ได้เปลี่ยนโลกอย่างไร

Don Tapscott (Author), Alex Tapscott (Author) (2018) ได้กล่าวถึงวิธีที่เทคโนโลยีบล็อกเชนมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงโลกทางธุรกิจและสังคม ต่อไปนี้คือวิธีที่ “Blockchain Revolution” ได้เปลี่ยนโลก

1. การทำธุรกรรมและการเงิน: บล็อกเชนช่วยลดความจำเป็นของบุคคลกลางในการทำธุรกรรมการเงิน เช่นการโอนเงินระหว่างประเทศที่รวดเร็วและมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่า นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้กลุ่มคนที่ไม่ได้มีบัญชีธนาคารใช้บริการทางการเงินได้ นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงในวิธีการทำธุรกรรมและการเงินที่มีผลกระทบอย่างมากในทั่วโลก.
2. การค้าและโซ่อุปทาน: บล็อกเชนช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความถูกต้องในโซ่อุปทานการผลิต ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบแหล่งกำเนิดและการผลิตของสินค้าที่ซื้อได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ยังช่วยลดความซับซ้อนในกระบวนการซื้อขายและส่งสินค้าที่มีค่าใช้จ่ายสูง.
3. การส่งเสริมสร้างความเชื่อถือ: บล็อกเชนช่วยสร้างความเชื่อถือในระบบที่ไม่มีคนควบคุมเดียว โดยข้อมูลที่บันทึกในบล็อกเชนไม่สามารถแก้ไขหรือปลอมแปลงได้ นี่เป็นความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือที่สำคัญในหลายสาขาอุตสาหกรรม เช่นการเลือกตั้ง การทำธุรกรรมทางการเงิน และการแชร์ข้อมูลส่วนตัว.
4. การสร้างแพลตฟอร์มใหม่: บล็อกเชนเปิดโอกาสให้ผู้คนสร้างแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน เช่นแพลตฟอร์มการเล่นเกมที่ใช้สกุลเงินดิจิทัล แพลตฟอร์มการเพิ่มข้อมูลทางแพทย์ หรือแพลตฟอร์มการติดตามความรู้สึกและการตอบสนองของผู้คน.
5. การเสริมสร้างความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม: บล็อกเชนส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในหลายอุตสาหกรรม เช่น การตลาดและโฆษณา โภชนาการ อสังหาริมทรัพย์ การบริการการแพทย์ การประกันภัย และอื่นๆ ซึ่งมีผลกระทบต่อการดำเนินงาน การให้บริการและสิ่งแวดล้อมอย่างมาก.

สรุปได้ว่า “Blockchain Revolution” ได้เปลี่ยนแปลงโลกให้เกิดความเป็นไปได้ในการทำธุรกิจและการดำเนินชีวิตในรูปแบบใหม่ที่มีความโปร่งใสและความมั่นคงเพิ่มขึ้น รวมถึงลดความจำเป็นของบุคคลกลางและเพิ่มโอกาสให้กับผู้คนที่ยังไม่ได้มีการเข้าถึงบริการทางการเงินและธุรกิจอื่นๆ

อ้างอิง :

Don Tapscott (Author), Alex Tapscott (Author) (2018). Blockchain Revolution